พระคาถามหาจักรพรรดิ

พระคาถามหาจักรพรรดิ

พลังครอบจักรวาล
ปรับชะตาร้ายให้กลายเป็นดี

ก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม
เพิ่มบุญบารมี

ปรับภพภูมิแก่สรรพวิญญาณ
และเจ้ากรรมนายเวร

พระคาถามหาจักรพรรดินี้ เมื่อนำมาสวดภาวนาอยู่ทุกวัน ย่อมจะนำมาซึ่งความสำเร็จ ทั้งในการคิดและการกระทำ ทั้งยังป้องกันอันตรายทั้งปวง ให้มีโชคลาภ มีกิจมีใช้ไม่หมด ดังมีสมบัติจักรพรรดิอยู่กับตัว เป็นคาถาที่วิเศษดีนัก ผู้ที่รจนาพระคาถาบทนี้ขึ้นมาก็คือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จ.อยุธยา

บูชาพระ

พุทธัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ
ธัมมัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ
สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสสะ
(๓ จบ)

ไตรสรณคมน์และสมาทานศีล ๕

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ

ปาณาติปาตา เวระมณี
สิกขาปทัง สมาทิยามิ
อทินนาทานา เวระมณี

สิกขาปทัง สมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจารา เวระมณี

สิกขาปทัง สมาทิยามิ
มุสาวาทา เวรมณี

สิกขาปทัง สมาทิยามิ
สุราเมระยะมัชชะปมาทัฎฐานา เวระมณี

สิกขาปทัง สมาทิยามิ

บทน้อมระลึกถึงหลวงปู่ทวด

นะโม โพธิสัตโต
อาคันติมายะ อิติภะคะวา
(๓ จบ)

บทน้อมระลึกถึงหลวงปู่ดู่

นะโม โพธิสัตโต พรหมะปัญโญ
(๓ จบ)

บทขอขมาพระรัตนตรัย

โยโทโส โมหะจิตเตนะ พุทธัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง
โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเตนะ ธัมมัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง
โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเตนะ สังฆัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง
โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

บทพระคาถามหาจักรพรรดิ

(สวดตามกำลังวัน อาทิตย์ 6 จันทร์ 15 อังคาร 8 พุธ 17 พฤหัส 19 ศุกร์ 21 เสาร์ 10 )

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสสะ
(๓ จบ)

นะโม พุทธายะ
พระพุทธะไตรรัตนญาณ
มณีนพรัตน์
สีสะหัสสะ สุธรรมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชา ธัมมะบูชา
สังฆะบูชา
อัคคีทานัง วะรังคันธัง
สีวะลี จะ มะหาเถรัง
อะหัง วันทามิ ทูระโต
อะหัง วันทามิ ธาตุโย
อะหัง วันทามิ สัพพะโส
พุทธะ ธัมมะ สังฆะ ปูเชมิ

เชิญพระเข้าตัว แผ่บุญปรับภพภูมิส่งวิญญาณ

สัพเพ พุทธา
สัพเพ ธัมมา
สัพเพ สังฆา
พะลัปปัตตา ปัจเจกานัญจะ

ยัง พะลัง
อะระหันตานัญจะ เตเชนะ

รักขัง พันธามิ สัพพะโส
(3 หรือ 5 จบ)

พุทธัง อธิฏฐามิ
ธัมมัง อธิฏฐามิ
สังฆัง อธิฏฐามิ
(ให้อธิษฐานจิตแผ่)

อธิษฐานแผ่อุทิศส่วนบุญให้แก่ตัวเองก่อน
โดยอุทิศให้เจ้าของกายสังขาร
เจ้ากรรมนายเวร และเจ้าเกณฑ์ชะตา
บอกชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิด ของตนเอง

ต่อจากนั้นอุทิศให้เทพยดา
อินทร์ พรหม ยมยักษ์ เจ้าที่เจ้าทาง
แล้วอธิษฐานให้สรรพดวงวิญญาณทั้งหลาย
ที่ยังอยู่ในอบายภูมิ สัมภเวสี โอปปาติกะ
ได้ปรับภพภูมิหรือ
จงได้ไปจุติยังภพภูมิใหม่ที่ดี


ตำนานพระปางมหาจักรพรรดิ

ในสมัยพุทธกาล เมื่อครั้งพระพุทธเจ้าของเรายังมีพระชนม์ชีพอยู่ มีพระมหากษัตริย์ผู้เรืองอำนาจพระองค์หนึ่ง พระนามว่า “พระเจ้าชมพูบดี” ครองนครชื่อปัญจาละ มีบุญญาธิการมาก ในวันที่พระองค์ประสูติมีขุมทองผุดขึ้นในที่ต่างๆ มากมาย

พระองค์มีของวิเศษอยู่ 2 อย่าง คือ
1) ฉลองพระบาทแก้ว ซึ่งเมื่อสวมใส่แล้วทำให้เหาะเหินเดินอากาศ แปลงกายเป็นพญานาคเผาผลาญศัตรูได้
2) ลูกศรวิเศษ ซึ่งเมื่อพระองค์ยิงออกไปแล้ว ลูกศรก็จะพุ่งไปเจาะพระกรรณของพระราชาที่ไม่ยอมสวามภักดิ์ แล้วนำมาเข้าเฝ้าพระองค์ทำให้พระราชาทั้งหลายต่างก็เกรงกลัวต่อพระบารมี

กาลต่อมา พระเจ้าชมพูบดีคิดจะเข้ายึดครองเมื่องราชคฤห์ ทำให้พระเจ้าพิมพิสารหวาดหวั่นเสด็จไปขอพึ่งพระบารมีของพระพุทธเจ้า

พระพุทธองค์ทรงเห็นว่า พระเจ้าชุมพูบดีนั้นมีวาสนาจะสำเร็จมรรคผลได้ จึงมีพุทธฎีกาให้องค์อัมรินทร์แปลงกายเป็นราชทูตไปทูลเชิญพระเจ้าชมพูบดีมาเฝ้า

จากนัั้น พระพุทธเจ้าได้ทรงเนรมิตพระองค์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิทรงเครื่องราชาภรณ์อลังการ แลให้พระอัครสาวกและพระสงฆ์สาวกผู้ทรงฟทธิ์ทั้งหลายเนรมิตกายเป็นเสนาบดีน้อยใหญ่ ทั้งเนรมิตวัดเวฬุวันให้เป็นมหานครใหญ่ รายล้อมด้วยกำแพงแก้ว ๗ ชั้น เหล่าเทวดา อินทร์ พรหม คนธรรพ์และนาค ร่วมเนรมิตเป็นตลาดน้ำและตลาดบกขึ้นรอบๆ กำแพงนคร

พระเจ้าชมพูบดี เมื่อเสด็จเข้ามาในเขตพระเวฬุวันก็ทรงตะลึงงันกัับความยิ่งใหญ่อลัังการแห่งพระนครที่พระพุทธองคืทรงเนรมิต และเมื่อผ่านมายังกำแพงพระนครแต่ละชั้น ทอดพระเนตรเห็นเหล่าเสนาอำมาตย์ที่รักษากำแพงพระนคร พระทัยก้ประหวั่นพรั่นกลัว จนพระเสโทไหลโทรมทั่วพระวรกาย

แลยิ่งเมื่อปรากฏกายต่อเบื้องพระพักตร์ ของพระเจ้ามหาจักรพรรดิที่พระองค์เนรมิตขึ้นแล้ว ก็ยิ่งครั่นคร้ามในพระทัย แต่ถึงกระนั้นด้วยทิฏฐิมานะแห่งกษัตริย์พระเจ้าชมพูบดีได้กล่าวท้าทายด้วยความถือดี

พระพุทธองค์ได้เชื้อเชิญให้พระเจ้าชมพูบดีใช้ของวิเศษแสดงฤทธิ์ออกมาแข่งขันกัน ที่สุดไม่ว่าพระเจ้าชมพูบดีจะแสดงฤทธิ์อย่างไรก็พ่ายแพ้หมดสิ้น และได้ขอยอมแพ้

พระพุทธองค์เห็นว่า พระเจ้าชมพูบดีคลายทิฏฐิมานะลงแล้ว จึงทรงแสดงพระธรรมเทศนาโปรดจนได้ดวงตาเห็นธรรม ทูลขออุปสมบท และบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

เกร็ดความรู้ คาถามหาจักรพรรดิ

ใจความสำคัญ : เป็นคาถาบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แต่งขึ้นโดยหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ แห่งวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

อานุภาพ : กล่าวกันว่าพระคาถานี้สวดเป็นประจำ จะทำให้บังเกิดลาภผล มีกินมีใช้ ปรับชะตาร้ายให้กลายเป็นดี มีความก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรม เพิ่มบุญบารมีแก่สรรพวิญญาณและเจ้ากรรมนายเวร

ประวัติ : เดิมทีพระคาถานี้เรียกว่า บทบูชาพระ เป็นบทสวดที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ บอกแก่ลูกศิษย์ใกล้ชิดได้นำไปสวดบูชาพระประจำวัน ต่อมาภายหลัง หลวงตาม้า แห่งวัดถ้ำเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงปู่ดู่ ได้นำไปเผยแผ่และเชิญชวนให้ประชาชนทั้งหลายได้สวดกัน จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน

ที่มา : หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

ประยุกต์ใช้ : บทสวดนี้จะบังเกิดผลดีมาก หากสวดด้วยจิตที่เป็นสมาธิ มีผู้แนะนำว่า สำหรับผู้เริ่มต้นสวดให้สวดไปพร้อมกับฟังเสียงสวดจากหลวงตาม้าไปด้วย ซึ่งเป็นท่วงทำนองที่พอดี ไม่เร็ว ไม่ช้า เอื้อให้จิตเป็นสมาธิดิ่งลึกลงไป มีผู้แนะนำว่าขณะสวดให้น้อมจิตระลึกถึงพระพุทธเจ้าหรือพระพุทธรูปอยู่เสมอ เพื่อมิให้จิตส่ายซัดไปมา ทำเช่นนี้ต่อเนื่องเป็นประจำทุกวัน ทุกขณะที่นึกได้ ภายใน ๒ เดือน จะเห็นผลประจักษ์ด้วยตนเอง


รวบรวมเรียบเรียงโดย
ศักดิ์สิทธิ์ พันธุ์สัทธ์
น.ธ.เอก, ป.ธ.๗, พธ.บ. (ภาษาไทย)
บรรณาธิการแห่งสำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง เพียรเพื่อพุทธศาสน์


สวดมนต์ปรับภพภูมิ
ได้อย่างไร ?
คลิกอ่านตรงนี้

จากหนังสือ คาถามหาจักรพรรดิ ๑๐๘ จบ

แผ่นพับบทสวดพระคาถามหาจักรพรรดิ

SHOPPING CART

close