สวดมนต์ ขอขมา อโหสิกรรม
รวมบท ขอขมาโทษ ขออโหสิกรรมต่างๆ ขอขมาพระรัตนตรัย ขอขมาลาโทษต่อบิดามารดา หรือผู้ที่เคารพนับถือในวันสงกรานต์ คำขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวร ขอขมาพระภูมิเจ้าที่ เทพเทวา คำถอนคำสาบาน คำอุทิศบุญ คำอธิษฐานเบิกบุญ
หมวดสวดมนต์
บทบูชาพระ
อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ
สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ
สุปะฏิปัโนโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ.
พุทธัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ.
ธัมมัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ.
สังฆัง ชีวิตัง เม ปูเชมิ.
บทกราบพระ ๖ ครั้ง
พุทธัง วันทามิ. (กราบ)
ธัมมัง วันทามิ. (กราบ)
สังฆัง วันทามิ. (กราบ)
คะรูปัชฌายาจะริยะคุณัง วันทามิ. (กราบ)
มาตาปิตุคุณัง วันทามิ. (กราบ)
พระไตรสิกขาคุณัง วันทามิ. (กราบ)
ไตรสรณคมน์
พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ
ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
บทขอขมาพระรัตนตรัย
โยโทโส โมหะจิตเตนะ พุทธัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง โทสัง
สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
โยโทโส โมหะจิตเตนะ ธัมมัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง โทสัง
สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
โยโทโส โมหะจิตเตนะ สังฆัสมิง
ปาปะกะโต มะยา ขะมะถะ เม กะตัง โทสัง
สัพพะปาปัง วินัสสันตุ
บทขอขมาลาโทษพระพุทธ
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ.
บทขอขมาลาโทษพระธรรม
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม.
บทขอขมาลาโทษพระสงฆ์
กาเยนะ วาจายะ วะ เจตะสา วา
สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง
สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง
กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.
บทขอขมาลาโทษ ต่อภิกษุพระสงฆ์
เถเร ปะมาเทนะ ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต
บทสวดขอขมาพระภูมิเจ้าที่ เทวดาอารักษ์ สวดก่อนนอน
คำขอขมาพระภูมิเจ้าที่เจ้าทาง และขอให้เทพเทวามีจิตเมตตา ช่วยปกปักคุ้มครองป้องกันภัย
อิติสุคะโต อะระหัง พุทโธ
นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา
พระภูมะเทวา ขะมามิหัง
คำขออโหสิกรรมและถอนสาบาน
กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง
สัญจิจจะกัมมัง อะสัญจิจะกัมมัง
ขะมันตุ เม อะโหสิกัมมัง ภะวะตุ เม.
กรรมใดๆ ที่ข้าพจ้าได้เคยล่วงเกิน ด้วยกาย วาจา ใจ ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มารดา บิดา ครูอาจาย์ ผู้มีพระคุณ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ที่ข้าพเจ้าได้เบียดเบียน ในทุกภพชาติจนถึงชาติปัจจุบัน ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม ในกรรมทั้งปวงนั้น ขอให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มารดา บิดา ครูอาจาย์ ผู้มีพระคุณ สรรพสัตว์ทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวร ทุกๆ ท่าน ได้ไปรดรับรู้และยกโทษอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อกันอีกเลย
และกรรมใดๆ ที่ไครๆ ได้กระทำล่วงเกินแล้วแก่ข้าพเจ้า ด้วยกาย วาจา ใจ ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี ในภพชาตินี้ หรือภพชาติใดๆ ก็ตาม ข้าพเจ้า ขออโหสิกรรม แก่ทุกคนทุกท่านทุกผู้ทุกนาม ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน ไม่มีเวรมีกรรมติดค้างกันอีกต่อไป
ข้าพเจ้า ขอถอนคำสัญญา คำสาบาน คำอธิษฐาน ที่ผูกมัดตัวเองและผู้อื่น ขอให้ต่างฝ่ายต่างเป็นอิสระ จากพันธสัญญาทั้งปวง หากมีผู้ใดเคยสร้างเวรสร้างกรรมกับข้าพเจ้า ไม่ว่าจะในชาติใดภพใดก็ตาม ข้าพเจ้ายินดีอโหสิกรรมให้ ขอถอนความอาฆาต ความพยาบาท และคำสาปแช่งในทุกชาติทุกภพ ขอให้ข้าพเจ้าพ้นจากคำสาปแช่ง ของปวงชน ของเจ้ากรรมนายเวรทั้งหมดทั้งสิ้น นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
ด้วยอานิสงส์แห่งผลบุญ ที่ข้าพเจ้าได้ทำมาดีแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และผลบุญที่เกิดจากการให้อโหสิกรรมในวันนี้ จงผลให้ข้าพเจ้า พร้อมทั้งครอบครัว บิดา มารดา ครูอาจารย์ วงศาคณาญาติ ผู้มีอุปการคุณ ทุกท่าน มิตรสหาย ตลอดถึงบริวารและคนที่รักทั้งหมดทั้งสิ้น จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ มีความเจริญก้าวหน้าทั้งทางโลกและทางธรรม ขอให้ประสบแต่สิ่งที่ดี อย่ามีทุกข์ คิดหวังสิ่งใดที่เป็นไปโดยชอบ ประกอบด้วยธรรมแล้ว ขอสิ่งนั้น จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ จงพลันสำเร็จ เทอญ. นิพพานะปัจจะโย โหตุ.
คำขอขมาโทษปูชนียสถาน
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อปูชนียสถานแดนบุญ แดนธรรม ต่อศาสนาทั้งหลาย ลัทธิทั้งหลาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มีอยู่ในโลกนี้ ต่อพระคัมภีร์ทางศาสนา ต่อหนังสือหนังหา ตำรับตำราสรรพวิชาความรู้ ต่อพระอักขระ ต่อพระคาถา ต่อพระพุทธมนต์ ที่บุคคลทั้งหลายได้น้อมกายวาจาใจเลื่อมใสศรัทธา กราบไหว้บูชา และศึกษาเล่าเรียนมา โดยกิริยาอาการที่ไม่เคารพบูชา ได้เหยียบย่ำทำลาย ได้บ้วนน้ำลาย ขับถ่ายราดรดทำให้หมดความงามเกิดความเสียหาย ได้ย่างกายเดินเหยียบ เดินข้าม ทำให้เกิดความอัปมงคล หมดค่า หมดราคา หมดความหมาย หมดความศักดิ์สิทธิ์
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษผู้มีศีล
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อนักบวช นักบุญ พระเจ้าพระสงฆ์ ที่เป็นสมมติสงฆ์ องค์เถระ มหาเถระ พระนวกะ สามเณร เถรชี ผู้มีศีลมีธรรม อุบาสกอุบาสิกา ผู้เกิดมาเพื่อสร้างบารมี ด้วยการทำลายความดี ลบลู่ดูถูก นินทาด่าว่า เสียดสี มีจิตอกุศล ทำตนขัดขวางทางบุญ ทางกุศล ทางธรรม ทางปัญญา ต่อท่านทั้งหลาย…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษบิดามารดา
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อคุณบิดามารดาที่มีชื่อว่า…….(ออกชื่อ)…….ผู้มีพระคุณสูงสุด ผู้ให้เลือดให้เนื้อ ให้ชีวิต ให้ความรัก ให้กำเนิดเกิดมา ให้การรักษาดูแลเลี้ยงดู ต่อสู้ลำบาก ตรากตรำทำงานหนัก หาอยู่หากิน หาข้าวหาของหาให้ทุกสิ่ง ทั้งคอยเอาใจหาให้ทุกอย่าง ไม่เคยทวงบุญ ทวงคุณ กลับอกตัญญู ไม่รู้คุณงามความดี ที่ท่านมีให้ มีจิตใจหยาบช้า ไม่เคารพบูชา ไม่เชื่อฟังคำสั่งคำสอน เคยดุเคยด่า เคยว่าเสียๆ หายๆ ต่อปากต่อคำ ทำลายน้ำใจ มีสันดานเนรคุณ มีจิตเป็นอกุศลทำตนเกเร ก่อทุกข์ทั้งปวง ให้ท่านต้องกังวล เสียอกเสียใจ น้อยเนื้อต่ำใจ ร้องไห้เสียน้ำตา อับอายขายหน้า เสียเงินเสียทองเสียข้าวเสียของ ชอกช้ำตรอมตรม…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษครูอาจารย์
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อคุณครู อุปัชฌาย์ อาจารย์ ผู้มีพระคุณสูงสุด ผู้ให้ความรู้ ให้สติให้ปัญญา ให้ดวงตาเห็นธรรม ให้ความอุปถัมภ์ช่วยเหลือเกื้อกูล สนับสนุนส่งเสริมต่างๆ นานา ให้การศึกษาอบรมสั่งสอน ให้ก่อนให้มาก ลำบากสู้ทน ได้เคยทำตนเป็นคนพาลสันดานชั่ว ไม่เกรงกลัว เคารพยำเกรง ไม่เชื่อฟังในคำสั่งสอน อีกทั้งเคยลบเคยล้าง สร้างความเสื่อมเสีย ทำให้ท่านทั้งหลาย หนักอกหนักใจ เสียแรงกายแรงใจที่ได้ให้ความรัก ความเมตตา อุตส่าห์พร่ำสอน ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ด้วยใจที่รักและกรุณาปรานี…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษผู้มีพระคุณ
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อท่านผู้มีพระคุณทั้งหลาย ที่ท่านได้ให้ความอุปถัมภ์ และอุปการะช่วยเหลือเกื้อกูล เมตตาส่งเสริมสนับสนุน ค้ำจุนกรุณาด้วยดีตลอดมา ได้เคยทำตัวเป็นคนอกตัญญูไม่รู้บุญคุณ ลืมบุญลืมคุณ ไม่ซึ้งในพระคุณอันประเสริฐที่เกิดแล้วจากความรักความเมตตา ความปรารถนาดี ที่ท่านมีให้ด้วยดีตลอดมา โดยไม่หวังค่าตอบแทนเลย กลับเพิกเฉย เมินเฉย ละเลย ไม่สนใจ ไม่ใยดี ทั้งกลับมีจิตคิดเป็นบาปอกุศล ยกตนข่มท่าน…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษเพื่อนมนุษย์
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อมิตรสหาย ต่อเพื่อนมนุษย์หญิงชายทั้งหลาย ทั้งปวง ในทุกๆ ภพ ในทุกๆ ภูมิ ในทุกๆ ที่ ทั้งปัจจุบันชาตินี้ และในอดีตชาติที่ผ่านมา ได้เคยใช้กำลังทางกาย ทางวาจา ได้เคยแสดงอากัปกิริยาท่าทาง ที่ไม่ดีไม่งาม ไม่เหมาะไม่สม ไม่เคารพยำเกรง กระทบกระแทกแดกดัน ในสถานที่ต่างๆ ก็ดี ที่หยาบช้าสามานย์บังคับขู่เข็ญ ประทุษร้าย ตบตี ชกต่อย ด่าว่ากลั่นแกล้ง กดขี่ ข่มเหงนินทาว่าร้าย ใส่ร้ายป้ายสี อย่างไร้ปัญญา ขาดความ ยั้งคิด ขาดเหตุ ขาดผล ขาดคุณธรรมของความเป็นมนุษย์ ทำตนดุจเดรัจฉานสันดานบาปหยาบช้า ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา หลงในอารมณ์บ้าของตน ก่อให้เกิดความผิดพลาดความเศร้าหมองมัวหมองด่างพร้อย เป็นรอยมลทิน เป็นตราบาปในดวงใจ ทั้งได้เคยผิดสัจจะที่ตั้งไว้ สัญญาไว้บางข้อ บางประการ บางโอกาส บางเวลา อีกทั้งได้เคยแสดงอากัปกิริยาท่าทาง ที่หยาบช้าสามานย์ออกทางสายตาใบหน้า คำพูดคำจาว่าโกรธเคือง เกลียดชัง อาฆาตพยาบาท เคียดแค้น รังเกียจเหยียดหยาม ดูถูก ดูแคลน เยาะเย้ยถากถาง สาปแช่ง จองเวร จองกรรม อีกทั้งเคยอิจฉาริษยา ปั้นน้ำเป็นตัว เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ท่าน โดยที่ไม่เป็นความจริง ได้เคยแสดงความไม่บริสุทธิ์ ไม่ยุติธรรม อคติลำเอียง โกหกหลอกลวง มารยาสาไถย คดโกงเอารัดเอาเปรียบ เป็นต้น เหตุต้นปัญหาให้ท่านเกิดความเข้าใจผิด หลงผิด เชื่อผิด เป็นบาป เป็นกรรม ทำให้ท่านต้องทุกข์
ต้องเสียใจต้องอับอายขายหน้า ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมาน ต้องเสียเงิน เสียทอง เสียเวลา เสียความรู้สึก
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษเจ้ากรรมนายเวร
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อเจ้ากรรมนายเวร ต่อเจ้าหนี้เจ้าทรัพย์ ทุกรูป ทุกนาม ที่เคยทำให้ท่านเกิดความทุกข์ เกิดความเสียหาย เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจ เกินจะให้อภัยกันได้ และที่เคยได้หยิบได้ยืม ได้ขอวัตถุสิ่งของเงินทองของมีค่า แล้วไม่นำพาชำระชดใช้ให้คืน ทำเป็นลืมทำเป็นหลง ไม่ตรงตามสัญญา อีกทั้งเคยทำประหนึ่งว่าของนั้นเป็นสมบัติของตน เป็นผลให้มีกรรมติดตัวเป็นเหตุให้ทำมาหากินไม่ขึ้น มีหนี้มีสิน ทรัพย์สินสูญหาย ถูกคดโกงหลอกลวง ถูกลักขโมยในปัจจุบันชาตินี้…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษสรรพสัตว์น้อยใหญ่
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อสรรพสัตว์น้อยใหญ่ ที่ได้เคยบังคับใช้งาน กักขังทรมาน ให้อดข้าวอดน้ำ ทนทุกข์ทรมาน เคยจับมาให้ต่อสู้กันเป็นเกมกีฬา เล่นการพนัน เพื่อความสนุกสนานเฮฮา หาความสุขใส่ตัว จนต้องเป็นบ้า เจ็บป่วยตายไป ทั้งเคยทำร้าย ให้บาดเจ็บล้มตายพรากลูกพรากแม่ด้วยเจตนา…
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำขอขมาโทษแบบรวม
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ข้าพเจ้านี้ ได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ ต่อคุณพระพุทธเจ้าก็ดี ต่อคุณพระธรรมเจ้าก็ดีต่อคุณพระสงฆเจ้าก็ดี ต่อนักบวชนักบุญ ต่อพระเจ้า พระสงฆ์ ผู้มีศีลมีธรรม ทั่วโลกทั่วจักรวาล ต่อปูชนีย-สถาน แดนบุญ แดนธรรม ต่อวัดวาอาราม ต่อพระพุทธศาสนา และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่ทั่วโลก ต่อคุณพ่อ คุณแม่ที่มีชื่อว่า……(ให้ออกชื่อคุณพ่อคุณแม่)……
ต่อคุณครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีพระคุณ ต่อครอบครัว วงศ์ตระกูล บรรพบุรุษ บุตรธิดา ญาติกา และมิตรสหายทั้งหลายเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ดวงวิญญาณทั้งหลาย เทวดาทั้งหลาย..
** ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้ว ด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือ ราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ข้าพเจ้านี้ คิดผิด ทำผิด
พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และในปัจจุบันชาตินี้ บัดนี้ ข้าพเจ้า ได้มีจิตสำนึกผิดแล้ว ต่อบาปเวรบาปกรรม ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ข้าพเจ้า ขอน้อมกายวาจาใจ และบุญกุศลน้อยใหญ่
เป็นเครื่องขอขมาลาโทษต่อท่านทั้งหลาย ขอให้ท่านทั้งหลาย จงได้เมตตา อโหสิกรรม อโหสิกรรม อโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อความไม่ประมาท เพื่อความบริสุทธิ์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง
ทั้งทางโลก ทางธรรม เพื่อมรรค ผล นิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอขมาโทษ ๓ ครั้ง)
คำยกโทษอโหสิกรรม
พุทโธ สาธุ, ธัมโม สาธุ, สังโฆ สาธุ
พุทโธ อโหสิ, ธัมโม อโหสิ, สังโฆ อโหสิ.
สาธุ สาธุ อันว่าบาปทางกายทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางวาจาทั้งหลายทั้งปวง อันว่าบาปทางใจทั้งหลายทั้งปวง ที่ท่านทั้งหลายได้เคยประพฤติผิดล่วงเกิน ก่อกรรมทำไม่ดีไว้ต่อข้าพเจ้าผู้มีชื่อว่า…(ออกชื่อตนเอง) ที่เป็นบาป ที่เป็นกรรม ที่ผิดศีล ผิดธรรม ผิดระเบียบ ผิดวินัย ผิดสัจจะ ผิดสัญญา ที่เกิดขึ้นแล้วด้วยอำนาจของกิเลสตัณหา คือราคะ โทสะ โมหะ ที่มาสิงจิต พาให้ท่านทั้งหลายคิดผิด ทำผิด พูดผิด หลงผิด ทั้งที่เจตนาก็ตาม ไม่ได้เจตนาก็ตาม ทั้งที่รู้เท่าถึงการณ์ก็ตาม รู้ไม่เท่าถึงการณ์ก็ตาม นับตั้งแต่อดีตชาติที่ผ่านมา และ ในปัจจุบันชาตินี้
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้านี้ ขอยกโทษอโหสิกรรม ให้อภัยด้วยดวงจิตดวงใจ อย่างหมดจิตหมดใจ ในบาปเวร
ในบาปกรรมทั้งหลายทั้งปวงเหล่านั้น ที่ท่านทั้งหลายได้ล่วงเกินแล้วต่อข้าพเจ้า ในภพภูมินี้ก็ตาม ในภพภูมิอื่นก็ตาม ในอดีตชาติก็ตาม ในปัจจุบันชาตินี้ก็ตาม ข้าพเจ้าจะไม่ขอมีเวรจะไม่ขอมีกรรม จะเลิกจองเวร เลิกจองกรรม ต่อท่านทั้งหลายนับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ขอให้ท่านทั้งหลายจงได้สบายจิตสบายใจ น้อมรับการยกโทษขออโหสิกรรมให้อภัยจากข้าพเจ้านี้ ด้วยเทอญ ฯ
(กราบขอยกโทษอโหสิกรรม ๓ ครั้ง)
บทอุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลให้แก่บิดามารดา ครูอาจารย์ เทพเทวาและเจ้ากรรมนายเวร
อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ มาตาปิตะโร,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า
ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้ามีความสุข ;
อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ ญาตะโย,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า
ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้ามีความสุข ;
อิทัง เม คะรูปัชฌายาจะริยานัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ คะรูปัชฌา ยาจะริยา,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่ครู อุปัชฌาย์และอาจารย์ของข้าพเจ้า
ขอให้ครู อุปัชฌาย์และอาจารย์ของข้าพเจ้ามีความสุข ;
อิทัง สัพพะเทวะตานัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลาย
ขอให้เทวดาทั้งหลายมีความสุข ;
อิทัง สัพพะเปตานัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เปรตทั้งหลาย
ขอให้เปรตทั้งหลายมีความสุข ;
อิทัง สัพพะเวรีนัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย
ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมีความสุข ;
อิทัง สัพพะสัตตานัง โหตุ,
สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา,
ขอส่วนบุญนี้ จงสำเร็จแก่สัตว์ทั้งหลาย
ขอให้สัตว์ทั้งหลายมีความสุขทั่วหน้ากันเทอญ.
คำอธิษฐานขอเบิกบุญ
ด้วยอำนาจบารมี องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้า (ออกชื่อ…หากเปลี่ยนชื่อ ให้บอกทั้งชื่อเก่าและใหม่) บุญใดๆ ที่ข้าพเจ้าได้สั่งสมมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีการให้ทาน รักษาศีล ร่วมอนุโมทนาบุญ เจริญสมาธิภาวนา แผ่เมตตา ให้อภัยทาน และอันเกิดจากการทำความดีต่างๆ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเพียงใดก็ตาม หากบุญนั้นยังไม่ถึงตัวข้าพเจ้า ขอบุญนั้นจงถึงตัวข้าพเจ้า ณ กาลบัดนี้ด้วยเถิด สาธุๆๆๆๆ (หลับตา สงบนิ่ง นึกภาพแสงบุญมหาศาลกำลังไหลรวมเข้าสู่กายของตนด้วยจิตเบิกบาน)
ด้วยอำนาจบารมีแหงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าขอเบิกบุญ ขอให้บุญของข้าพเจ้า จงแปรสภาพเป็นพลังเกื้อหนุนให้ข้าพเจ้ามีความเจริญด้วยศีล สติ สมาธิ ปัญญา ตั่งมั่นอยู่ในกรอบแห่งความดี ปราศจากทุกข์ โศก โรค ภัย มีความสุขกายสุขใจ เจริญด้วยโภคทรัพย์ อริยทรัพย์ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน การเงิน ปราศจากศัตรูหมู่มาร เจ้ากรรมนายเวร จงพบเจอแต่กัลยาณมิตร อย่าได้พานพบกับคำว่า ไม่มี ไม่ได้ ไม่สมหวัง ไม่สำเร็จ ในสิ่งที่ปรารถนา ขอให้ข้าพเจ้ามีโอกาส มีปัจจัย มีทรัพย์ ที่จะทำบุญ สร้างกุศล ปฏิบัติธรรมในทุกๆ เมื่อ ทุกๆ วัน ไม่รู้หมด เป็นผู้รักษาพระศาสนาได้ เป็นผู้ให้ธรรมทานกับเพื่อนมนุษย์ได้ และเข้าถึงพระนิพพาน ในปัจจุบันชาตินี้ โดยเร็ววัน ด้วยเทอญ.
หมวดพิธีกรรมในวันสงกรานต์
คำขอขมาลาโทษขออโหสิกรรมในวันสงกรานต์
ในวันสงกรานต์ ลูกหลานได้กลับบ้าน เพื่อทำพิธีขอขมาลาโทษ รดน้ำดำหัวบิดามารดา ผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้ที่เคารพนับถือ ก่อนจะรดน้ำดำหัวให้ทำพิธีขอขมาก่อน ในขั้นตอนนั้น มีดังนี้
- ยกเทียนแพ ขันธ์ ๕ กล่าวขอขมา พร้อมกัน
- มอบเทียนแพ และเงินทอง ของใช้ตามศรัทธาแก่บิดามารดา แล้วรับพร
- ถ้าเป็นวันสงกรานต์ ก็รดน้ำที่มือให้บิดามารดา และผูกแขน เป็นอันเสร็จพิธี
คำขอขมา
นั่งชันเข่าต่อหน้าบิดามารดา กราบพระ ๓ ครั้ง และกล่าว นะโม พร้อมกัน
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ. (๓ จบ)
จากนั้น ผู้นำ ยกเทียนแพ หรือดอกไม้ขันธ์ ๕ กล่าวนำให้บริวารกล่าวตาม ดังนี้
อายัส๎มันเต (มาตาปิตุเร) ปะมาเทนะ ท๎วารัตตะเยนะ กะตัง, สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ โน ภันเต
กายกรรม ๓ วจีกรรม ๔ มโนกรรม ๓ กรรมอันใด, ที่ข้าพเจ้า ได้ประมาทพลาดพลั้ง ได้ล่วงเกิน ต่อบิดามารดา ต่อผู้มีพระคุณ ทั้งต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี
ขอให้บิดามารดา ขอให้ผู้มีพระคุณ ได้โปรดอโหสิกรรม ต่อกรรมล่วงเกินอันนั้น เพื่อไม่ให้เป็นทุกข์เป็นโทษ เป็นเวรเป็นภัย ต่อข้าพเจ้า ในบัดนี้ด้วยเทอญ
ด้วยอานิสงส์ แห่งการขอขมาลาโทษนี้ ขอให้ข้าพเจ้า และเพื่อนพ้องบริวาร ลูกหลานญาติมิตร ได้ประสบความสุข ได้ประสบความสำเร็จ ในหน้าที่การงาน ในกิจการทั้งหลาย มีโชคมีลาภ และในที่สุด ได้เข้าถึงกระแสแห่งพระนิพพาน ในอนาคตกาล เบื้องหน้าด้วยเทอญ.
ผู้นำน้อมมอบเทียนแพหรือดอกไม้ขันธ์ ๕ ให้แก่บิดามารดา และมอบสิ่งของต่างๆ เช่น เงินทอง ของที่ระลึก ตามความศรัทธา หลังจากนั้นรับพรและโอวาทตามสมควร
หลังจากนั้นลูกหลานทุกคน รดน้ำที่มือของบิดามารดา แล้วให้บิดามารดาผูกแขนรับขวัญ เป็นอันเสร็จพิธี
พิธีขอขมากรรมบิดามารดาโดยตรง
ลูกคนใดที่ทำไม่ดีกับพ่อแม่แม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกาย ทางวาจา หรือทางความคิดก็ตาม ถือว่าได้สร้างบาปมหันต์ ลูกที่ทำให้พ่อแม่น้ำตาตกเท่ากับทำให้พ่อแม่ตกนรก เป็นบาปหนักอย่างยิ่ง หากไม่ทำการขอขมาให้ท่านอโหสิกรรมแล้วไซร้ ชีวิตก็หาความเจริญมิได้เพราะมีบาปกรรมติดตัวมีชั่วติดตน
ดังนั้นลูกที่หวังความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตจึงควรกล่าวขอขมากรรม กับพ่อแม่ และหมั่นกตัญญูกตเวทีต่อท่านให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนเริ่มขอขมาให้จัดเตรียมของดังนี้
๑) ธูปเทียนแพ ๑ ชุด
๒) มาลัย ๑ พวง
๓) น้ำสำหรับล้างเท้า+ผ้าสำหรับเช็ดเท้า
๔) เงินใส่ซอง
ก่อนเริ่มการขอขมา ให้จุดธูปกลางแจ้ง ๕ ดอกแทนเทพในทิศทั้ง ๔ และทิศเบื้องบน หรือ ๑๖ ดอก แทนเทพชั้นครู ตั้งจิตกล่าวอธิษฐานว่า
“ข้าพเจ้า ขอน้อมบูชาแด่องค์สมเด็จ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมพระธรรมและพระสงฆ์ วันนี้ ข้าพเจ้า…………………………. มีความตั้งใจจะทำพิธี กราบขอขมาอโหสิกรรม ต่อบิดามารดา ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พร้อมทั้งพระธรรม และพระสงฆ์ ได้โปรดลบันดาลให้การขอขมากรรมในครั้งนี้ จงบรรลุผลสำเร็จ ตามที่ปรารถนาด้วยเถิด.
ข้าพเจ้า ขออัญเชิญเทพเทวดาทั้งหลาย ที่สถิต ณ สถานที่แห่งนี้ และที่สถิต ณ ทิพยสถานวิมานเลิศทั้งหลาย พระแม่ธรณี พระแม่คงคา พระยายมราช พระภูมิเจ้าที่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย วันนี้ เวลานี้ ข้าพเจ้าตั้งใจจะทำพิธี ขอขมาอโหสิกรรมแก่บิดามารดา. ขอท่านได้เป็นสักขีพยาน ในกรรมครั้งนี้ด้วยเถิด”
ลำดับจากนั้น ให้พ่อแม่นั่งบนเก้าอี้ ล้างเท้าของท่าน เช็ดด้วยผ้าสะอาด จากนั้นถือเทียนแพพร้อมมาลัย คุกเข่าต่อหน้าท่าน กล่าวขอขมา ดังนี้….
“กายะกัมมัง วะจีกัมมัง มะโนกัมมัง กรรมอันใด ที่ลูกได้เคยกระทำล่วงเกินต่อบิดามารดา ด้วยการกระทำทางกาย มี….(ระบุกรรมทางกายที่นึกได้ เช่น เคยแสดงกิริยาไม่พอใจ กระทืบเท้า ขว้างปาสิ่งของ เคยประชดประชัน ทุบตี ผลักไส) ก็ดี ด้วยการกระทำทางวาจา มี…(ระบุกรรมทางวาจาที่ตนเคยทำไม่ดีกับพ่อแม่ที่นึกได้ เช่น เคยพูดจาดูหมิ่น ตัดพ้อต่อว่า ดุด่าว่าร้าย โกหกหลอกลวง นินทา โต้เถียงคำไม่ตกฟาก กล่าวใช้ให้ทำในสิ่งนั้นสิ่งนี้) ก็ดี
ด้วยการกระทำทางใจ ทางความคิด มี… (ระบุกรรมที่เคยคิดไม่ดีกับพ่อแม่ที่นึกได้ เช่น เคยคิดดูหมิ่น เคยนึกรำคาญ เคยนึกตำหนิติเตียน เคยนึกโกรธ นึกเกลียดชัง เคยคิดในแง่ไม่ดี คิดด่าว่า คิดโกหกหลอกลวง) ก็ดี อันเป็นเหตุให้พ่อกับแม่ เจ็บซ้ำน้ำใจ เสียใจ ทุกข์ใจ ร้องไห้เสียน้ำตา ด้วยความโง่เขลาเบาปัญญา ทั้งที่รู้ตัวก็ดี ไม่รู้ตัวก็ดี ทั้งที่เจตนาก็ดี มิได้เจตนาก็ดี ทั้งในอดีตก็ดี ในปัจจุบันก็ดี
บัดนี้ เวลานี้ ลูกสำนึกผิดแล้ว จึงกราบขอขมากรรม ในสิ่งที่ได้ทำล่วงเกินทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น ขอให้บิดามารดา ได้โปรดยกโทษ อโหสิกรรม ซึ่งโทษล่วงเกินทั้งหมดทั้งสิ้น แก่ลูกคนนี้ด้วยเถิด”
เสร็จแล้ว ยกธูปเทียนแพ มาลัย พร้อมซองเงินมอบให้พ่อมกับแม่ ก้มกราบเท้าท่าน ๓ ครั้ง จากนั้นพ่อกับแม่กล่าวอโหสิกรรมให้กับลูก และอำนวยอวยพรให้ลูกมีแต่ความสุขความเจริญ เป็นอันเสร็จพิธี